มิติจักรวาล... ที่สุดแห่งนิพพานคือหนใด
(ตอนที่ 1)
.......
น.ส. นพมาศ.... พันธุ์มณี


วัฏ การเวียนว่ายตายเกิด คือการวนเวียนอันไร้จุดสุดสิ้นของดวงวิญญาณ ชีวิตทุกชีวิตที่มิใช่เพียงมนุษย์
ทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ ทั้งมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่พืช สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลก สรรพชีวิตทั้งมวลล้วนแล้วแต่มี 'วิญญาณ' เป็นที่ตั้ง มนุษย์เราถือกำเนิดขึ้นมามีองค์ประกอบของชีวิตทั้งสิ้นสองส่วน คือส่วน รูปธรรม และส่วน นามธรรม ส่วนรูปธรรมนั้นคือส่วนที่มองเห็น ดำรงอยู่ในสามมิติ กว้าง ยาว ลึก สามารถจับต้องได้ สัมผัสได้ เป็นสสาร อันได้แก่รูปกายของเรา ตัวตนของเรา เป็นสิ่งที่เรายึดติด มองเห็น และสัมผัส ในทางตรงกันข้ามส่วนนามธรรมจึงดำรงอยู่ในส่วนทั้งสิ้นสี่มิติ ไม่อาจมองเห็น ไม่อาจสัมผัส ไม่อาจจับต้อง และไม่อาจยึดติด ส่วนนามธรรมนับเป็นส่วนที่ดำรงอยู่ในตัวตนของมนุษย์ทุกคน สิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นส่วนอันละเอียดอ่อน นั่นคือส่วนของ 'จิตใจ' นั่นเอง


ากจะกล่าวให้เข้าใจได้โดยง่ายแล้วก็คือสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ล้วนมีร่างชีวิตคงอยู่ในสองสถานะ คือสถานะของสสารและสถานะของพลังงาน ร่างพลังงานคือร่างของจิตใจ วิญญาณ ร่างสสารคือ 'ตัวตน' ที่มองเห็นได้ สัมผัสได้ ในสองสถานะของร่างทั้งสองจำเป็นต้องดำรงอยู่โดยผลักดันกันและกัน ดำเนินชีวิตควบคู่กันไป หากปราศจากร่างใดร่างหนึ่งสิ่งมีชีวิตนั้นๆ ก็ไม่อาจเรียกได้ว่า 'ชีวิต' มนุษย์เราเกิดขึ้นมาโดยมีสิ่งทั้งสองนี้เป็นองค์ประกอบ เมื่อแรกถือกำเนิดเรามีร่างกายเป็นอณูเล็กๆ ในครรภ์มารดา ต่อมาเมื่อมีส่วนพลังงานคือ 'วิญญาณ' ลงมาสถิตย์ อณูเล็กๆ ในครรภ์มารดาจึงนับเป็นชีวิตอันถือกำเนิดขึ้น ผ่านพ้นจากครรภ์มารดา มนุษย์ลืมตาขึ้นมาดูโลก มีชีวิตอยู่บนโลก ดำเนินตัวตนทั้งสองสถานะไปพร้อมกับกาลเวลาที่หมุนเวียน จากวัยเด็ก เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ย่างสู่วัยชราจนกระทั่งตายลงในที่สุด

 

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า 'ความตาย' มิใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นเพียงการผลัดเปลี่ยนสถานะเท่านั้น 'ตาย' คือการสูญสิ้น สูญสลาย จบสิ้น อันมิใช่ตัวเราที่สิ้นสุดหากเป็นเพียงสถานะสสารของเราเท่านั้น การที่สิ่งมีชีวิตหนึ่งจบชีวิตลงมิได้หมายถึงว่าสิ่งมีชีวิตนั้นได้สูญสลายหายไป เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบทั้งสิ้นสองส่วนคือสสารและพลังงาน ซึ่งการตายคือการที่ไม่สามารถประกอบเป็นชีวิตต่อไปได้จึงมิใช่การสูญสิ้น ทว่า เป็นการที่องค์ประกอบสองส่วนอันเป็นชีวิตไม่สามารถดำเนินควบคู่ไปด้วยกันได้นั่นเอง ในทางวิทยาศาสตร์มีการทดลองเกี่ยวกับเรื่องชีวิตหลังความตายได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่า เมื่อคนเราตายลงน้ำหนักตัวจะหายไปในปริมาณเฉลี่ย 0.07 กรัม ดร.โดนัลด์ จี. คาร์เพนเตอร์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการค้นคว้าในด้านจิตวิญญาณตามสภาวะทางฟิสิกส์ จึงสรุปผลออกมาว่า ส่วนของน้ำหนักตัวที่หายไปนั้นเป็นส่วนของจิตวิญญาณซึ่งกินเนื้อที่ปริมาณประมาณ 0.07 ลูกบาศก์เมตร หรือหากคิดเป็นปริมาตรเฉลี่ย ก็จะเท่ากับคนธรรมดาที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม การทดลองนี้จึงเป็นสิ่งที่สามารถยืนยันการคงอยู่ของร่างพลังงานในสิ่งมีชีวิตได้เป็นอย่างดี

เมื่อคนเราตายน้ำหนักตัวที่หายไปนั้นหมายถึงว่า
วิญญาณได้ออกจากร่าง ของเราไปแล้ว กล่าวคือองค์ประกอบในส่วนของพลังงานแยกออกจากองค์ประกอบในส่วนของสสารโดยสิ้นเชิง จึงทำให้เราไม่สามารถดำรงสถานะของชีวิตอยู่ต่อไปได้ แน่นอนว่าเมื่อร่างของสสารและพลังงานแยกกัน ร่างสสาร 'ตัวตน' ของเรา จะยังคงอยู่บนโลกในมิติทั้งสาม ที่สามารถมองเห็น จับต้อง สัมผัสได้ ร่างนั้นถูกนำไปประกอบพิธีต่างๆ นำไปเผาย่อยสลายกลายเป็นเถ้า นำไปฝังย่อยสลายกลายเป็นดิน สสาร…


ร่างของเรามิได้หายไปไหนเลย หากเพียงแต่เปลี่ยนสถานะการคงอยู่เท่านั้น
จากร่างมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นเถ้าถ่าน จากร่างชีวิตแปรเปลี่ยนธาตุเป็นอินทรีย์ กลับคืนสู่ผืนดิน สู่ผืนน้ำ สู่ผืนทราย และดำรงรูปอยู่เรื่อยไปในสถานะต่างๆ ที่พร้อมจะแปรเปลี่ยนไปได้ทุกเสี้ยวเวลา เช่นเดียวกันกับร่างพลังงาน จิตวิญญาณที่เมื่อแยกออกจากร่างสสารแล้วก็มิได้สูญสลายหายไป ยังคงดำรงสถานะอยู่เป็นพลังงาน ในมิติแห่งพลังงานที่ไม่อาจมองเห็น ไม่อาจ จับต้อง ไม่อาจสัมผัส

ร่างวิญญาณของอดีตสิ่งมีชีวิตยังคงดำรงอยู่เรื่อยมา เวียนวนอยู่ในมิติที่สี่ซึ่งเรามองไม่เห็น
รอเวลาอันจะกลับคืนสู่สถานะแห่ง 'ชีวิต' อีกครั้ง และต่อเมื่อมีอณูเกิดขึ้นในครรภ์ ร่างพลังงานที่เวียนวนก็จะกลับมาสถิตย์ยังครรภ์มารดานั้น ถือกำเนิดเป็นชีวิตและดำรงสถานะของชีวิตควบคู่ไปกับวันเวลา ผ่านวัยเด็ก เข้าวัยหนุ่มสาว ต่อวัยผู้ใหญ่ ตราบกระทั่งวัยชรา และจบสิ้นชีวิตลงในที่สุด การเวียนวายตายเกิดนี้จะดำรงอยู่เรื่อยไป ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ สรรพชีวิตทั้งหลายต่างถือกำเนิด มีชีวิต ผจญสิ่งต่างๆ พานพบเรื่องราวหลากหลายจนกระทั่งตาย และกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เวียนวนไปเรื่อยๆ นับเวลาร้อยปี พันปี แสนปี ล้านล้านปี หรืออาจจะตราบชั่วนิรันดร์ เป็น วัฏ ที่มนุษย์น้อยคนนักจะหนีพ้น เป็นความทุกข์ทนของจิตวิญญาณที่ยากนักจะสิ้นสุด กระทำในสิ่งเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาเป็นร้อยรอบ พันรอบ ยากนักจะหลุดพ้นจากวัฏที่เวียนวนนี้ได้

ทว่า…ความหลุดพ้น จุดสิ้นสุดแห่งดวงวิญญาณนั้นมิใช่ไร้หนทาง และวิถีแห่งการหลุดพ้นนั้นก็คือ 'นิพพาน' นั่นเอง

Home / Religion / Mystery Series / Horror Daiary / Fortune / Cosmic Energy / UFO Diary / Special Board /
Party Board
/ Horror Board / Gallery / Star Love / Webboard

*** หากต้องการนำบทความนี้ไปเผยแพร่หรือต้องการติดต่อนักเขียนกรุณาติดต่อมาที่ Boss_Deva@hotmail.com หรือ...

@Homosapiens Tame. / Po.box 260 Dusit Bkk. 10300