การปฏิบัติสมาธิในประเทศไทยมีอยู่มากมายหลายหลากวิธีตามสายปฏิบัติเช่น
วิธีการปฏิบัติสมาธิตามแนวทางของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ ซึ่งใช้องค์ภาวนาว่า
"สัมมาอะระหัง" การปฏิบัติสมาธิตามแนวทางของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ใช้องค์ภาวนาว่า "พุทโธ" และการปฏิบัติสมาธิที่ใช้องค์ภาวนาว่า "ยุบหนอ
พองหนอ" ซึ่งพระอาจารย์ที่สอนการปฏิบัติตามแนวทางนี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือ
หลวงพ่อ จรัล ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี การปฏิบัติสมาธิที่ใช้องค์ภาวนาว่า
"นะมะพะธะ" ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และยังมีการปฏิบัติสมาธิตามแนวทางอื่นๆ
อีกมากมาย แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแนวทางปฏิบัติสมาธิที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยแทบทั้งสิ้น
วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติสมาธิที่เด่นชัดคือ
เพื่อให้จิตสงบ ชำระจิตของเราให้สะอาดสดใส คลายจากอารมณ์ขุ่นมัวที่เราได้รับมาตลอดวัน
ประโยชน์แรกที่จะได้จากการปฏิบัติสมาธินั้นคือจิตใจเราจะสงบขึ้นมีสมาธิในการทำการงานต่างๆ
ส่วนประโยชน์อื่นเช่นพลังอำนาจ อิทธิฤทธิ์ทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่อยู่สูงขึ้นไปไม่ควรนำมาคิดให้จิตใจวุ่นวายขัดต่อการเจริญสมาธิของเราเสียเปล่าๆ
สำหรับการปฏิบัติสมาธิเบื้องต้นที่จะนำมาแนะนำต่อไปนี้
ได้ค้นคว้าเรียบเรียงมาจากหนังสือสวดมนต์แปลของวัดสังฆทานอันเป็นวัดที่สอนปฏิบัติสมาธิแห่งหนึ่งที่มีผู้นิยมไปปฏิบัตกันเป็นจำนวนมาก
จึงใคร่ขออนุญาตินำเนื้อหาและแนวทางปฏิบัติมาเผยแพร่เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะปฏิบัติสมาธิเพื่อประโยชน์ต่างๆ
ได้ศึกษาและปฏิบัติดังต่อไปนี้
ในขั้นแรกนั้นเมื่อเราละจากหน้าที่การงานประจำวันแล้วก็ควรเตรียมตัวให้พร้อม
แล้วเริ่มสวดมนต์ภาวนา (หนังสือสวดมนต์มีขายอยู่ทั่วไป ขั้นต้นขอแนะนำการสวดทำวัตร์เช้า-เย็น)
การสวดมนต์จะทำให้เราเจริญสมาธิได้ง่ายขึ้น แต่จะภาวนาเลยก็ได้
ท่านั่งในการทำสมาธิ ให้นั่งสมาธิขาขวาทับขาซ้าย
มือขวาทับมือซ้ายนิ้วหัวแม่มือชนกัน หากเป็นหญิงจะนั่งพับเพียบก็ได้
ควรนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่หากจำเป็นจริงๆ ก็นั่งหันไปทางทิศใดก็ได้ตามสะดวก
จับความรู้สึกอยู่ที่อาการของเราขณะนั้นก่อนว่าเรากำลังทำอะไร นั่งอยู่อย่างไรท่าไหน
กำหนดรู้อยู่ในจิดว่ากำลังนั่งขาขวาทับขาซ้าย (หรือพับเพียบ) มือขวาทับมือซ้าย
ตัวตรงหลังตรง หากหลับตาก็กำหนดรู้อยู่ในใจว่าหลับตาอยู่ ให้กำหนดจิตอยู่ในกายน้อมนึกว่าใบหน้าของเรามีลักษณะอย่างไร
กำหนดจิตให้เห็นตัวเองตลอดตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า พิจารณารอบตัวเองแล้วมาหยุดอยู่ที่ใบหน้า
น้อมนึกให้เห็นคิ้ว ตา ปาก หู ตลอดไปจนถึงจมูกของเรา พอถึงปลายจมูกก็ให้นึกเห็นลมหายใจเข้าและออก
จงกำหนดรู้ หายใจเข้าก็รู้ว่าเข้า หายใจออกก็รู้ว่าออก หายใจยาวก็รู้ว่ายาว
หายใจสั้นก็รู้ว่าสั้น ให้รู้เท่าทันทุกลมหายใจเข้าออกของเราตรงปลายจมูกนั้น
พอหายใจเข้า ให้ภาวนาในใจว่า "พุท" หายใจออก ให้ภาวนาในใจว่า "โธ"
ให้นึกแต่ "พุทโธ" เป็นสรณะ เป็นองค์ภาวนา อย่านึกถึงเรื่องอื่น อย่านึกถึงอดีด
อนาคต นึกถึงแต่ปัจจุบันที่เรานั่งภาวนาเท่านั้น อย่าสนใจส่งจิตไปทางอื่น
อย่าคิดถึงเรื่องนอกกาย
ที่กล่าวมาแล้วนี้เป็นวิธีการปฏิบัติสมาธิเบื้องต้น
ซึ่งท่านอาจไปหาเกจิผู้ฝึกสอนได้ที่วัดสังฆทาน ประโยชน์เบื้องต้นนั้นย่อมทำให้จิตใจสงบแจ่มใส
คลายจากความเครียดได้ ซึ่งจะมีประโยชน์กับท่านทั้งสุขภาพกายและจิต
สำหรับประโยชน์ของสมาธิในการรักษาโรคมะเร็งนั้น จะเป็นผลพลอยได้จากการฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย
เราทราบกันดีแล้วว่าร่างกายกับจิตใจย่อมอาศัยซึ่งกันและกันและมีอิทธิพลต่อกัน
เมื่อจิตใจดีสะอาดเข้มแข็ง ร่างกายย่อมแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้ป่วย การฝึกสมาธิจะสามารถช่วยชำระจิตให้สะอาดขึ้น
และทำให้ความเจ็บไข้จะสามารถเยียวยาแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
สิ่งสำคัญประการหนึ่งจากการฝึกสมาธิก็คือ
เป็นการเสริมสร้างพลังความต้านทานหรือภูมิคุ้มกันให้กับเซลล์ทุกชนิด
แม้แต่เซลล์มะเร็งก็ถูกต้านทานให้อยู่กับที่ ซึ่งในการปฏิบัติสมาธินี้จะสามารถยืดอายุให้อยู่นานกว่าปกติได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
|