พุทธศาสนิกชนชาวไทยส่วนใหญ่มักมีความยินดี มีความพึงพอใจในการทำบุญทำทานกันมาก อาจเพราะด้วยประเทศไทยนับถือพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติมาแต่โบราณหลายร้อยปี การทำบุญทำทานจึง กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยหลายๆ คนจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งไป เสียแล้ว แต่กระนั้นก็ตามมีผู้ให้ทานสักกี่คนกันเล่าที่จะรู้ว่า 'ทาน' การให้ ของตนนั้นได้อานิสงค์มากน้อยเพียงใด?
แม้ว่าคนไทยหลายคนจะนิยมการให้ทานกันมาก แต่หากเราได้ลองพินิจพิเคราะห์กันถึงพฤกติกรรม การทำบุญให้ทานของชาวไทยหลายๆ คนแล้วเราจะสังเกตได้ว่าการให้ทานในปัจจุบันได้มีการบิดเบือนวัตถุ ประสงค์จากสิ่งอันควรและไม่ควรไปโดยมาก หลายคนที่ไม่เข้าใจในการให้ทาน หลายคนให้ทานในสิ่งที่ผิด ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยสนทนาธรรมกับพระรูปหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ท่านว่าถึงเรื่องการทำบุญทำทาน ท่านเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงคุณโยมท่านหนึ่งท่านนำเครื่องซักผ้ามาถวายสังฆทานกับพระ ด้วยเกรงว่าตนจะลำบาก เกิดชาติภพหน้าจะไม่มีเครื่องซักผ้าใช้ หลวงพ่อท่านเล่าไปท่านก็หัวเราะไป ท่านว่าลำบากพระ ต้องมานั่งหาคำ ถวายสังฆทานเครื่องซักผ้าเพราะแรกในสมัยพุทธกาลไม่มีเครื่องซักผ้าใช้จึงไม่มีบทสังฆทานเครื่องซักผ้า ผู้ เขียนซึ่งได้ฟังเรื่องนี้แล้วนอกจากจะได้อารมณ์ขันตามท่าน ก็ยังได้ข้อความคิดไปอีกด้วย มากมายของมนุษย์ทำบุญทำทานกันเพียงเพื่อหวังในชาติภพหน้า หากความเข้าใจในคำว่า 'ทาน' นั้น แท้จริงแล้วมีมากน้อย เพียงไร
" ทาน - การให้ " ในความหมายอันจริงแท้ตามพุทธศาสนาแล้ว มีอยู่ 3 ลักษณะ คือ
1. จาคเจตนาทาน ได้แก่ การให้ทานโดยที่บุคคลมีศรัทธาเลื่อมใส คิดจะให้ซึ่งทานโดยแท้จริง ไร้เจตนาหวัง สิ่งตอบแทน มีปัญญาตรึกตรองด้วยตน มิใช่เห็นเขาทำก็ทำตามเขาไป
2. วิรติทาน ได้แก่ การให้ทานโดยบุคคลผู้มีหิริโอตตัปปะ มีความละเว้นในเบญจขันธ์ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ อันบุคคลผู้ให้ทานควรมีความพิจารณาในทรัพย์สิ่งของที่ตนให้ทานว่า ได้มาอย่างไร บริสุทธิ์หรือไม่ หาก ทรัพย์นั้นได้มาโดยบริสุทธิ์ไร้ความชอบธรรม ก็จะมิได้บุญสมดังใจหมาย
3. เทยยธมมทาน ได้แก่ บุคคลอันพึงมีศรัทราในการให้ ข้าว น้ำ เครื่องนุ่งห่ม สิ่งของอันทานต่างๆ
นอก เหนือจากการเข้าใจในความหมายของทานที่บิดเบือนไปแล้ว หลายคนยังเข้าใจถึง 'การให้ทาน' ที่บิดเบือไป อีกด้วย อนึ่ง เราควรที่จะเข้าใจไว้ในจุดที่ว่า 'การทำบุญ' กับ 'การทำทาน' นั้นต่างกันยิ่ง หากก็ยังใกล้เคียง กันมาก จึงทำให้คนไทยหลายคนเข้าใจในความหมายของการทำบุญและการทำทานนั้นผิดเพี้ยนไป บุญ หมายถึง ความดี ดังนั้นการทำบุญจึงหมายถึง การทำความดี ผู้เขียนขอยกตัวอย่างเช่น เด็กคนหนึ่งช่วยจูงมือคนตาบอดให้เดินข้ามถนน ในกรณีนี้เราเรียก การทำบุญ เพราะถือเป็นการทำความดี ส่วนคำว่า ทาน นั้น หมายถึง การให้ เช่น การที่เราใส่บาตรทุกเช้า การที่เราไปทำสังฆทานที่วัด ในจุดนี้หาได้ เป็นการทำบุญไม่ หากเป็นการทำทานเพราะเป็นการให้ ให้พระ ให้สงฆ์ เป็นการทำทานที่หลายคนเข้าใจผิด เพี้ยนไปว่าเป็นการทำบุญ แต่หากเราจะบอกว่ามิใช่การทำบุญนั้นก็คงจะไม่ถูกต้องไปเสียทีเดียว เพราะการทำทานนั้นนับเป็นการทำความดีด้วยอย่างหนึ่ง จึงถือได้ว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งอีกด้วย ผู้เขียนจึงกล่าว ได้ว่า การทำบุญและการทำทานนั้นต่างกันและใกล้เคียงอย่างยิ่ง ในจุดนี้จึงทำให้หลายคนเข้าใจเรื่องของ การทำบุญและการทำทานสับสนไป และเป็นเหตุที่ทำให้เข้าใจผิดเพี้ยนไปอีกว่า การทำบุญ (ทาน) นั้น ทำให้ได้ แต่เพียงสงฆ์ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วการให้ทานนั้นมีอยู่สองประการคือ
1. ให้ด้วยการอนุเคราะห์ หมายถึง การให้ทานโดยการสงเคราะห์ ให้แก่ผู้อนาถา ผู้ยากจน ผู้เจ็บไข้ ผู้อันหาที่พึ่งมิได้ ให้แก่สัตว์เดรัจฉาน นก กา หมา แมว อันเป็นการให้ทานด้วยจิตอนุเคราะห์ ด้วยจิตอัน เมตตายิ่ง เรียกว่า การให้ทานเป็นการกุศล
2. ให้ด้วยการบูชา หมายถึง การให้ทานแก่สงฆ์ ให้แก่ภิษุกสามเณร ให้แก่สมณพราหมณ์ ให้แก่ผู้ ระงับเสียซึ่งบาป ให้แก่ผู้มีศีลธรรมอันดีงาม ให้แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ปู่ย่าตายาย บิดามารดา ผู้มีพระคุณ เป็นการให้ด้วยจิตศรัทธา ด้วยจิตอันเป็นกุศล จากที่ได้กล่าวมา ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า การทำทานมิได้ขึ้นอยู่กับการ ทำให้ใคร ทำเพื่ออะไร และทำเพื่อต้องการสิ่งใดตอบแทน เราไม่จำเป็นต้องกลัวหากมิได้ทำสังฆทานเครื่องซักผ้าแล้วในภพหน้าเราจะหา เครื่องซักผ้าใช้ไม่ได้ เพราะอานิสงค์แห่งการให้ทานนั้นเรามิอาจล่วงรู้ได้ว่าสิ่งนั้นจะกลับคืนสู่เราอย่างไร อีกทั้งการให้ทานโดยเจตนาเช่นนี้ความแน่วแน่ความศรัทธาแห่งจิตยังหาได้มั่นคงไม่
สิ่งที่เราควรเข้าใจก็คือการ
ให้ทานนั้นสิ่งอันสำคัญที่สุดคือการให้ด้วยจิตอันเป็นกุศล มีเมตตา มีกรุณาเป็นที่ตั้ง
ผู้รับจะเป็นอย่างไรช่าง เขา จะประพฤติตนอย่างไรช่างเขา เพียงผู้ให้มีจิตอันเมตตา
มีจิตอันสะอาดบริสุทธิ์ มีจาคเจตนา มีวิรติ มี เทยยธมม ครบสาม การให้ทานนั้นก็จักบริสุทธิ์ยิ่ง
แม้ไร้ซึ่งผลตอบแทนอันใดแต่ด้วยจิตเมตตาอันมีเพียง 'การให้' ก็สามารถทำให้เราไร้สิ้น
ซึ่งความทุกข์เช่นนั้นได้ อานิสงฆ์แห่งการให้ทานก็จักทวีขึ้นแก่ตนเองมากมาย เฉกผู้ซึ่งถือศีลอันมีกลิ่นกายหอมยิ่งกฤษณาไม้หอมฟุ้งกระจายทั่วภพฉันใด
อานิสงฆ์แห่งการทำทานก็จักทวี ฟุ้งกระจายยิ่งฉันนั้น.
บทความเรื่อง : ศีล...ปกติแห่งความเป็นมนุษย์
/ ทาน...การให้ที่ไร้ผล / ทฤษฎีสัมธภาพ...ความจริงแห่งอนัตตาเพียงมายาหรืออัตตาที่เปลี่ยนแปลง
/ มิติจักรวาล...ที่สุดแห่งนิพานคือหนใด
/ ศาสนาพราหมณ์
Goto
Home
/ saiyaved / Predict
/ Horror
Dairy / Cosmic
energy / Gallery / Star Love /
Guestbook / Link
/
Webboard
*** หากต้องการนำบทความนี้ไปเผยแพร่หรือต้องการติดต่อนักเขียนกรุณาติดต่อมาที่ Boss_Deva@hotmail.com หรือ...
@Noppamas Panmanee. Homosapiens Tame. / Po.box 260 Dusit Bkk. 10300